วันเสาร์ที่ 11 เมษายน พ.ศ. 2558

ประวัติพระแก้วมณีโชติ

ตำนานพระแก้วมณีโชติ

พระ พุทธศาสนาผ่านไป 2,500 ปี จะเกิดกลียุค มนุษย์จะรบราฆ่าฟันกันเอง โลกมนุษย์จะพบภัยพิบัติตามธรรมชาติ แผ่นดินจะไหว ลมพายุจะพัดผ่านทำลายทุกสิ่ง ไฟจะลุกไหม้ น้ำจะท่วมเมืองและเกิดโรคระบาดที่ร้ายแรงมาคร่าชีวิตคนและสัตว์ให้ล้มตาย จำนวนมาก คนที่มีพระแก้วมณีโชติบูชาจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งหลายทั้งปวง สมเด็จโตได้นิมิตบอกหลวงปู่ทิพย์ พระอรหันต์แห่งถ้ำเชียงดาว จ. เชียงใหม่ ปัจจุบันท่านได้ละสังขารไปแล้ว ท่านเล่าว่า เมื่อ ครั้งสมัยพุทธกาล องค์สมเด็จสัมมาสัมพุทธเจ้ายังทรงพระชนม์ชีพอยู่ พระพุทธองค์ทรงจาริกเที่ยวประกาศเทศนาธรรมสั่งสอนเวไนยสัตว์ พระพุทธองค์ทรงเสด็จจาริกมายังถิ่นต่าง ๆ ทรงพยากรณ์ที่ต่าง ๆ มากมายและประทานพระเกศาธาตุและพระพุทธบาท อันทรงสมควรและทรงเล็งด้วยพระพุทธญาณว่าต่อไปจะเป็นที่อุดมในธรรม เมื่อเสด็จจากดอยจอมทองและดอยน้อย ( ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอจอมทอง เชียงใหม่ ) ก็เสด็จต่อมายังดอยกรอม ( ปัจจุบันอยู่ในเขตอำเภอฮอด เชียงใหม่ ) พระองค์ทรงกระหายน้ำจึงให้พระอานนท์ไปตักน้ำที่แม่น้ำระมิงค์ พบพญานาคขวางทาง แกล้งทำให้น้ำขุ่น พระพุทธองค์ทรงแสดงอิทธิฤทธิ์ให้พญานาคเคลื่อนไหวไม่ได้ พญานาคจึงยอมแพ้ บันดาลให้น้ำพุ่งออกจากแผ่นดิน พระพุทธองค์ทรงเสวยน้ำเสร็จแล้ว พญานาคขอสมาทานเบญจศีล พระองค์ทรงประทานให้ด้วยความเมตตา พญานาคทรงเลื่อมใสศรัทธามากจึงควักดวงตาทั้งสองถวายเป็นพุทธบูชา พระพุทธองค์ทรงพยากรณ์ว่าต่อไปภายหน้าสถานที่นี้จักเป็นเมืองปรากฏชื่อนาม ว่า พิสดารนคร พระพุทธองค์ทรงเสด็จลุกขึ้นเหยียบรอยพระบาทซ้ายเหนือหินก้อนหนึ่ง ( ปัจจุบันเรียกพระบาทแก้วข้าวอยู่ที่ อ.ฮอด เชียงใหม่ ) พญานาคทูลลากลับนครใต้บาดาล ทันใดนั้นดวงตาทิพย์ได้บังเกิดขึ้นแก่พญานาคเป็นดวงตาที่แจ่มใสยิ่งกว่าเดิม จำเนียรกาลผ่านไป1,200 ปี มีพระอรหันต์นามว่าธรรมราชมีฤทธิ์ศักดามาก เป็นที่เคารพนับถือของเหล่ามนุษย์และพญานาคตลอดจนเทวดาทั้งหลาย พระธรรมราชคิดว่าพระพุทธศาสนาจะรุ่งเรืองได้ต้องให้คนทั้งหลายระลึกถึง พุทธคุณ จึงคิดจะสร้างพระพุทธรูปองค์เล็กจำลองเป็นรูปพระพุทธเจ้าเพื่อให้เป็นที่ พึ่งของเหล่ามนุษย์ แต่จะสร้างด้วยทองคำหรือเงินก็จะทำให้มนุษย์เกิดความโลภทำอันตรายต่อรูป จำลองของพระพุทธเจ้า ความคิดนี้รู้ไปถึงมหาพรหมผู้มีนามว่า ชินนะปัญจะระ ท่านจึงแปลงร่างเป็นชีปะขาว นำเอาแก้วมณีโชติที่ถือเป็นแก้วกายสิทธิ์อยู่บนสวรรค์ชั้นดุสิตมาถวายให้พระ ธรรมราช พระธรรมราชจึงให้ช่างแกะสลักในเมืองช่วยกันแกะเป็นรูปจำลองพระพุทธเจ้า ปรากฏว่าช่างแกะสลักไม่สามารถแกะสลักแก้วมณีโชติได้
พวก ช่างปรึกษากันด้วยจนปัญญา ความนี้ทราบถึงพระอินทร์ จึงสั่งให้เทวดาประจำวันทั้ง 7 พระองค์แปลงร่างเป็นมนุษย์ลงมารับอาสาแกะสลักแก้วมณีโชติเป็นรูปจำลองของพระ พุทธเจ้า ด้วยการแกะสลักเป็นพระพุทธรูปองค์เล็กใช้ติดกายและองค์ใหญ่สูงครึ่งคืบไว้ ประจำบ้านเมือง เพียงใช้เวลา 7 วันแกะได้ 84,000 องค์ เมื่อสร้างเสร็จแล้วพระธรรมราชจึงประชุมกับเจ้าเมืองและชาวเมืองเพื่อจัดงาน ทำบุญฉลองสมโภชพระแก้วมณีโชติ
ท่านมหาพรหม ชินนะปัญจะระและพระอินทร์จึงแปลงร่างเป็นชีปะขาวมาร่วมในงานฉลองด้วย เมื่อถึงเวลาพระธรรมราชเป็นผู้เจริญพระพุทธมนต์ ชะปะขาวทั้งสองเจริญทิพยมนต์บูชาพระพุทธเจ้า และมีการจุดบั้งไฟเป็นพุทธบูชานับได้ 108 กระบอก ชาวเมืองพร้อมใจกันจุดบั้งไฟ เมื่อจุดบั้งไฟติดพวกช่างแกะสลักทั้งเจ็ดและชีปะขาวทั้งสอง ก็กระโดขึ้นนั่งบนหัวบั้งไฟ บั้งไฟได้พาเอาร่างชีปะขาวและช่างแกะสลักสูงขึ้น ๆจนหายเข้ากลีบเมฆไปในที่สุด ชาวเมืองจึงรู้ว่าเทวดาแปลงร่างมาเป็นช่างแกะสลักและชีปะขาวจึงพากันส่ง เสียงแซ่ซ้อง สาธุ สาธุ กึกก้องอึงคะนึงไปทั่วทั้งเมือง ท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระจึงประพรมน้ำพุทธมนต์ อวยพรอวยชัย โดยบันดาลให้ฝนทิพย์ตกลงมาทั่วเมือง เสร็จงานแล้วชาวเมืองช่วยกันขุดหลุมลึก 7 ศอก 56 หลุม นำเอาพระทั้งหมดใส่ไห 56 ไห ฝังในหลุมแล้วกลบอย่างดี พระธรรมราชขอให้พญานาคชื่อ พญาสีเสน เป็นผู้เฝ้ารักษาไม่ให้ผู้ใดมาเหยียบย่ำที่แห่งนี้
ศาสนา ตถาคตผ่านไปกึ่งพุทธกาล พระแก้วมณีโชติจะปรากฏขึ้นมาให้มนุษย์สักการบูชากราบไหว้ เป็นที่พึ่งที่ยึดเหนี่ยวของคนดีที่มีศีลธรรมที่เคารพนับถือพระพุทธเจ้า มนุษย์ที่ได้ครอบครองพระแก้วมณีโชติจะปลอดภัยจากอันตรายทั้งปวง มีความสุขสมบูรณ์ เจริญด้วยโภคทรัพย์ เทวดาปกปักคุ้มครองรักษา เมื่อนั้นพระพุทธศาสนาจะเจริญรุ่งเรืองสืบต่อไปจนครบ5,000 ปีตามพุทธพยากรณ์ 
สมเด็จ โตผู้นิมิตพบท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระ เมื่อครั้งธุดงค์ไปที่กำแพงเพชร ท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระได้สอนคัมภีร์ธรรมศาสตร์และพิธีการปลุกเสกพระ เครื่อง ทำให้พระสมเด็จของท่านมีชื่อเสียงเลื่องลือระบือนามไปทั่วทิศ พร้อมทั้งบอกเล่าตำนานพระแก้วมณีโชติ และบอกให้สมเด็จโตไปเอาพระแก้วมณีโชติมา 5 ไหเก็บรักษาไว้ ในภายภาคหน้าจะเป็นประโยชน์ในการช่วยทำนุบำรุงพระพุทธศาสนาอยู่ครบ 5,000ปี 
สมเด็จ โตพร้อมศิษย์จึงเดินทางมาที่เมืองพิสดารมหานครและได้พบกับพญานาคผู้รักษาพระ แก้วมณีโชติ พญานาคได้พ่นพิษไฟเข้าใส่ สมเด็จโตจึงภาวนานึกถึงท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระ ไฟพิษของพญานาคไม่สามารถทำอันตรายได้ สมเด็จโตบอกพญานาคว่าท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระให้มาเอาพระแก้วมณีโชติ 5 ไห ถ้าท่านไม่เชื่อก็ให้ท่านเอ่ยนาม ชินนะปัญจะระ พญานาคเมื่อฟังก็รู้ว่าท่านมหาพรหมชินนะปัญจะระใช้มาจริงไม่ได้พูดเท็จ จึงมอบพระแก้วมณีโชติให้สมเด็จโต 5 ไห สมเด็จโตนำมาเก็บไว้ที่กุฏิท่านโดยให้วิญญาน นางนาคเป็นผู้เฝ้าดูแล ทำให้ไม่มีใครเข้าใกล้ไหของสมเด็จท่าน ด้วยเกรงกลัวอิทธิฤทธิ์นางนาค
ที่ ชอบปรากฏตัวให้ผู้คนเห็น ก่อนสมเด็จโตจะมรณภาพ ท่านได้นำไหทั้ง 5 ใบไว้บนเพดานโบสถ์วัดระฆังโดยไม่มีใครรู้ เวลาผ่านไป 100ปี สมเด็จโตได้นิมิตบอกผ่านให้ท่านอาจารย์ของผู้เขียน ได้รับรู้ถึงนิมิตรตำนารพระแก้วมณีโชติและมอบพระแก้วมณีโชติทั้ง5 ไห ให้แก่ท่านอาจารย์ของผู้เขียนเก็บรักษาไว้ และก่อนที่ท่านิอาจารย์ของผู้เขียนจะละสังขารได้มอบพระแก้วมณีโชติให้ศิษย์ ของท่านเป็นผู้ดูแลเก็บรักษาไว้ และอนุญาตให้เปิดเผยเล่าเรื่องราว ตำนารพระแก้วมณีโชติให้พุทธศาสนิกชนทั้งหลายได้รับรู้ เพื่อช่วยกันสืบอายุพระพุทธศาสนาให้ครบ 5,000 ปี
พระ แก้วมณีโชติ เป็นมหาปูชนียวัตถุสูงสุดประจำพระพุทธศาสนา เป็นที่เคารพนับถือกราบไหว้บูชา และเป็นที่พึ่งยึดเหนี่ยวของโลกทั้งสามมาแต่โบราณกาล ขอเชิญทุกท่านมาสักการะบูชาพระแก้วมณีโชติ พระคู่บ้านคู่เมือง 1 ใน 9 องค์แห่งเมืองพิสดารมหานคร ภายในพระเมาลีบรรจุพระบรมสารีริกธาตุเพื่อความเป็นศิริมงคลสูงสุดในชีวิต ท่านที่ต้องการบูชาพระแก้วมณีโชติเพื่อปกป้องคุ้มครองภัยตามนิมิตรสมเด็จโต บูชาได้ที่บ้านธรรมมะโตทุกวันเสาร์- อาทิตย์ ปัจจัยที่ได้จากการบูชานำไปสร้างวิหารธรรมทานสมเด็จโต และกุฏิวัดพระเจ้าโท้ เมืองฮอด จ. เชียงใหม่ วัดที่เป็นต้นกำเนิดตำนารพระแก้วมณีโชติ พระแก้วกายสิทธิ์ที่มาจากสวรรค์ พระที่เทวดาสร้างถวายเป็นพุทธบูชา

ไม่มีความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น